ปี ค.ศ.
|
ชื่อสิ่งประดิษฐ์
|
ผู้ประดิษฐ์
|
500ปีก่อนคริสต์ศักราช
|
สมัยโบราณมนุษย์รู้จัก การนับด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น
นับเศษไม้ ก้อนหิน ลูกปัด การใช้นิ้วมือ การขีดเป็นรอย
ชาวจีนคิดประดิษฐ์เครื่องมือนับเรียกว่า “ลูกคิด” (Abacus) โดยได้แนวคิดจากการเอาลูกปัดร้อยเก็บเป็นพวงในสมัยโบราณ
|
ที่มาที่ไปและผู้คิดค้นประดิษฐ์ลูกคิดนี้ จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครระบุได้แน่ชัด
|
ค.ศ. 1617
|
ชาวสก็อต ประดิษฐ์เครื่องคิดเลข “เนเปียร์ส โบนส์” (Nepier’s Bones)
|
จอห์น เนเปียร์ (John Nepier)
|
ค.ศ. 1632
|
ประดิษฐ์ไม้บรรทัดคำนวณ (Slide Rules) เพื่อใช้ในทางดาราศาสตร์ ถือเป็น
คอมพิวเตอร์อนาลอก เครื่องแรกของโลก
|
วิลเลี่ยม ออตเทรด (William Oughtred)
|
ค.ศ. 1642
|
ประดิษฐ์เครื่องบวกเลขแบบมีเฟืองหมุนคือมีฟันเฟือง 8 ตัว
เมื่อเฟืองตัวหนึ่งนับครบ 10 เฟืองตัวติดกันทางซ้ายจะขยับไปอีกหนึ่งตำแหน่ง
ซึ่งหลักการนี้เป็นรากฐานของการพัฒนาเครื่องคำนวณ และถือว่า เครื่องบวกเลข (Adding
Machine) ของปาสคาลเป็น เครื่องบวกเลขเครื่องแรกของโลก
|
แบลซ ปัสกาล(Blaise Pascal: 1623 - 1662) ชาวฝรั่งเศส
|
ค.ศ. 1673
|
เครื่องคิดเลขแบบใช้เฟืองทดเพื่อทำการคูณด้วยวิธีการ บวกซ้ำ ๆ กัน ไลบนิซเป็นผู้ค้นพบจำนวนเลขฐานสอง
(Binary Number) ซึ่งประกอบด้วยเลข 0 และ
1 เป็นระบบเลขที่เหมาะในการคำนวณ เครื่องคิดเลขที่ไลบนิซสร้างขึ้น
เรียกว่า Leibniz Wheel สามารถ บวก
ลบ คูณ หาร ได้
|
|
ค.ศ. 1804
|
Jacquard’s Loom เป็นเครื่องทอผ้าที่ควบคุมการทอผ้าลายสีต่าง ๆ ด้วยบัตรเจาะรู (Punched –
card) จึงเป็นแนวคิดในการประดิษฐ์เครื่องเจาะบัตร
(Punched – card machine) สำหรับเจาะบัตรที่ควบคุมการทอผ้าขึ้น และถือว่าเป็นเครื่องจักรที่ใช้โปรแกรมสั่งให้เครื่องทำงานเป็นเครื่องแรก
|
โจเซฟ มารี แจคการ์ด
(Joseph Marie Jacquard : 1752 - 1834) ชาวฝรั่งเศส เป็นผู้คิดประดิษฐ์
Jacquard’s Loom
|
ค.ศ. 1822
|
เครื่องวิเคราะห์ (Analytical
Engine) ซึ่งแบ่งการทำงานออกเป็น 3 ส่วนคือ
ส่วนเก็บข้อมูล ส่วนควบคุม และส่วนคำนวณ
โดยออกแบบให้ใช้ระบบพลังเครื่องยนต์ไอน้ำเป็นตัวหมุนเฟือง และนำบัตรเจาะรูมาใช้ในการบันทึกข้อมูล สามารถคำนวณได้โดยอัตโนมัติและเก็บผลลัพธ์ไว้ในหน่วยความจำก่อนแสดงผล ซึ่งจะเป็นบัตรเจาะรูหรือพิมพ์ออกทางกระดาษ
แต่ความคิดของแบบเบจ ไม่สามารถประสบผลสำเร็จเนื่องจากเทคโนโลยีในสมัยนั้นไม่เอื้ออำนวย แบบเบจเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1871
ลูกชายของแบบเบจคือ Henry Prevost Babbage ดำเนินการสร้างต่อมาอีกหลายปีและสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1910
หลักการของแบบเบจ
ถูกนำมาใช้ในการสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์สมัยใหม่จนถึงปัจจุบัน
แบบเบจจึงได้รับการยกย่องให้เป็น บิดาแห่งคอมพิวเตอร์
|
|
ค.ศ. 1822
|
นักคณิตศาสตร์ผู้ร่วมงานของแบบเบจ
เป็นผู้ที่เข้าใจในผลงานและแนวความคิดของแบบเบจ
จึงได้เขียนบทความอธิบายเทคนิคของการเขียนโปรแกรม
วิธีการใช้เครื่องเพื่อแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์เป็นครั้งแรก
ทำให้เกิดความเข้าใจในผลงานของแบบเบจได้ดีขึ้น Ada จึงได้รับการยกย่องให้เป็น
นักโปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก
|
|
ค.ศ.1850
|
แนวคิดเกี่ยวกับระบบพีชคณิตแบบใหม่
เรียกว่า Boolean Algebra เพื่อใช้หาข้อเท็จจริงจากเหตุผลต่าง
ๆ และแต่งตำราเรื่อง “The Laws of Thoughts” ว่าด้วยเรื่องของการใช้เครื่องหมาย AND,
OR, NOT ซึ่งเป็นรากฐานทางคณิตศาสตร์ให้กับการพัฒนาทางด้านไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เช่น สวิตช์ปิดหรือเปิด
การไหลของกระแสไฟฟ้า ไหลหรือไม่ไหล ตัวเลขจำนวนบวกหรือลบ เป็นต้น
โดยที่ผลลัพธ์ที่ได้จากพีชคณิตจะมีเพียง 2 สถานะคือ จริงหรือเท็จเท่านั้น
ซึ่งอาจจะแทนจริงด้วย 1 และแทนเท็จด้วย 0
|
|
ค.ศ. 1884
|
ค.ศ. 1880 สำนักงานสำรวจสำมะโนประชากรสหรัฐอเมริการได้ทำการสำรวจสำมะโนประชากรโดยใช้ แรงงานคนในการประมวลผล ต้องใช้เวลาถึง 7 ปีครึ่งยังไม่แล้วเสร็จ ข้อมูลที่ได้ไม่แน่นอนและไม่ค่อยถูกต้อง
ต่อมา ค.ศ. 1890 สำนักงานฯ จึงได้ว่าจ้าง
ฮอลเลอริธ มาทำการประมวลผลการสำรวจ ปรากฏว่าเมื่อใช้เครื่องทำตารางข้อมูล
(Tabulating machine) และหีบเรียงบัตร (Sorting) ของฮอลเลอริธแล้ว
ใช้เวลาในการประมวลผลลดลงถึง 3 ปี ฮอลเลอริธ
ได้ตั้งบริษัทผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์การประมวลผลด้วยบัตรเจาะรู
และต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทไอบีเอ็ม (International Business Machines
Corporation) ในปี ค.ศ. 1924
|
|
ค.ศ.1937
|
MARK I
Computer
เครื่องคำนวณตามหลักการของแบบเบจได้สำเร็จ โดยนำเอาแนวคิดของ Jacquard และ
Hollerith มาใช้ในการสร้างและได้รับการสนับสนุนจากวิศวกรของบริษัทไอบีเอ็ม สร้างสำเร็จในปี ค.ศ. 1944 ในชื่อว่า Automatic Sequence
Controlled Calculator (ASCC) หรือเรียกกันโดยทั่วไปว่า MARK
I Computer นับเป็นเครื่องคำนวณเครื่องแรกของโลกที่ทำงานโดยอัตโนมัติทั้งเครื่อง จัดเป็น Digital Computer และเป็นเครื่องที่ทำงานแบบElectromechanical
|
|
ค.ศ. 1943
|
ENIAC
เครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์โดยใช้หลอดสุญญากาศ
(Vacuum Tube) สร้างสำเร็จในปี ค.ศ. 1946 นับเป็น เครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์เครื่องแรกของโลก
เรียกว่า ENIAC (Electronic Numerical Integrator and Calculator) ใช้หลอดสุญญากาศมากกว่า
18,000 หลอด ติดตั้งในห้องขนาด 20 X 40 ฟุต
ตัวเครื่องทั้งระบบหนักเกือบ 30 ตัน บวกเลขได้ 5,000
ครั้งต่อวินาที การคูณและหารทำได้เร็ว 6 ไมโคร
วินาที นับว่าเร็วขึ้นมาก
เมื่อเปรียบเทียบการทำงานกับ MARK I แล้ว
ถ้า ENIAC ทำงาน 1 ชั่วโมง
จะเท่ากับเครื่อง MARK I ทำงานประมาณ
1 สัปดาห์
แต่การสั่งงานและการควบคุมยังต้องใช้สวิตช์และแผงเสียบปลั๊กทางสายไฟ ทุกครั้งที่เครื่องทำงานจะทำให้หลอดไฟฟ้าทั้งหมดสว่างขึ้น เป็นผลให้เกิดความร้อน หลอดไฟจึงมักจะขาดบ่อย ต้องตั้งเครื่องไว้ในห้องที่มีการปรับอุณหภูมิห้องให้เพียงพอ
ENIAC เริ่มใช้งานในปี ค.ศ. 1946
และใช้งานประมาณ 10 ปี จึงเลิกใช้
....ใน ระหว่างนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางการทหารสหรัฐอเมริกา ทำการวิจัยเกี่ยวกับโครงการสร้างลูกระเบิดปรมาณู
ได้นำเอาเครื่อง MARK I และ ENIAC มาใช้ในโครงการนี้ด้วย แต่ต้องการเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า
ค.ศ. 1945 ดร.จอห์น
ฟอน นอยมานน์ (Dr.John Von Neumann) นักคณิตศาสตร์
นักตรรกวิทยา และนักฟิสิกส์ แห่งมหาวิทยาลัยปรินซ์ตัน พร้อม ร.ท.เฮอร์มาน โกลด์สไตน์ (Herman
Goldstein) เจ้าหน้าที่สื่อสารกองทัพบกและอดีตศาสตราจารย์คณิตศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยมิชิแกน และ ดร.อาเธอร์ เบิร์คส
สมาชิกแผนกปรัชญาของมิชิแกน
ได้ร่วมมือกันสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถเก็บคำสั่งการปฏิบัติงานทั้ง หมดไว้ภายในเครื่องได้ เปลี่ยนแปลงข้อมูลและเปรียบเทียบได้ และใช้ระบบตัวเลขฐานสองภายในเครื่อง ชื่อว่า EDVAC (Electronic Discrete Variable Automatic Computer) และสร้างเสร็จในปี
ค.ศ. 1952
|
เจ เพรสเปอร์
เอ็คเคิร์ท
(J. Presper Eckert) นักวิศวกร
จอห์น มอชลี (John Mauchly) ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย
|
ค.ศ. 1949
|
UNIVAC I
หลังจากที่มอชลีและเอ็คเคิร์ท ได้ร่วมมือกันจัดตั้งบริษัทผลิตคอมพิวเตอร์ออกขาย
แต่ประสบปัญหาทางการเงิน จึงขายกิจการให้กับบริษัท
Speery Rand Corporation และได้ร่วมมือกันสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์
UNIVAC I (Universal Automatic Computer I) สำเร็จในปี ค.ศ. 1951 โดยใช้เทปแม่เหล็กเป็นสื่อบันทึกข้อมูล นับว่าเป็นคอมพิวเตอร์สำหรับใช้งานทางธุรกิจเป็นเครื่องแรกของโลก โดยติดตั้งให้กับบริษัท General
Electric Appliance ในปี ค.ศ.
1954 ต่อมาบริษัท Speery Rand Corporation เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัทยูนิแวคและยูนิซิส
จนกระทั่งบริษัทไอบีเอ็ม ได้ก้าวเข้าสู่วงการคอมพิวเตอร์ และได้พัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์จนเจริญก้าวหน้ามาตามลำดับ
|
|
ค.ศ. 1953
|
IBM 701
IBM 650
IBM
System 360
บริษัทไอบีเอ็ม สร้างเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกคือ
IBM 701 และในปี ค.ศ. 1954 สร้างเครื่อง IBM 650 และเป็นแบบที่ใช้กันแพร่หลายในระยะ
5 ปีต่อมา
เป็นเครื่องที่ใช้หลอดสุญญากาศ ต่อมาปรับปรุงดัดแปลงมาใช้วงแหวนแม่เหล็ก
(Magnetic Core) เป็นวงแหวนเล็ก ๆ โดยจัดวางชิดกันเป็นแผ่นคล้ายรังผึ้ง เวลาเครื่องทำงาน ความร้อนจึงไม่สูง และเมื่อมีการนำทรานซิสเตอร์มาใช้แทนหลอดสุญญากาศ ทำให้สามารถลดขนาดเครื่องลงได้มาก ความร้อนลดลง ไม่เปลืองเนื้อที่ภายในเครื่อง ต้นปี ค.ศ. 1964 บริษัทไอบีเอ็ม
สร้างเครื่อง
IBM System 360 ใช้หลักไมโครอิเล็กทรอนิกส์ มีความในการทำงานสูงขึ้น
ขนาดของเครื่องเล็กลง และมีระบบหน่วยความจำที่ดีกว่าเดิม
|
|
วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557
วิฒนาการของคอมพิวเตอร์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น